บ้านพระราชทาน ชีวิตใหม่”น้องน้ำส้ม”
“หนูสงสารพ่อแม่พี่น้องที่เดือดร้อน อยากให้พ่อแม่มีบ้านที่ดีมั่นคง พ่อก็สุขภาพไม่แข็งแรง เป็นผู้พิการหาเลี้ยงเรา รู้สึกมืดแปดด้านไม่รู้จะทำอย่างไร มองขึ้นไปบนปฏิทินเห็นรูปพระองค์ท่าน เป็นสิ่งเดียวที่ค้ำจุนและทำให้หนูมีกำลังใจและนึกถึงพระองค์เป็นคนแรก”
คำบอกเล่าผ่านน้ำเสียงตื้นตันใจของ ด.ญ. ปรารถนา แสงทอง หรือ น้องน้ำส้ม อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนอนุบาลชุมชนหัวดง จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาในปีพ.ศ.2552 ขอพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์แก่ครอบ ครัว เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจน บิดาพิการ ไม่มีที่อยู่อาศัย ครอบครัวมีภาระค่าเล่าเรียนของตนเองและพี่น้อง
สำนักราชเลขาธิการได้ประสานยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาช่วยเหลือเบื้องต้นและลงพื้นที่มาเยี่ยมเยือนเมื่อวันที่ 16 ก.ย.2552 และวันที่ 8 ก.ค.2553 พร้อมเห็นควรช่วยเหลือตามโครงการพระราชทานความช่วยเหลือ เพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในการดำเนินชีวิต โดยมอบความช่วยเหลือพระราชทานเป็นทุนสนับสนุนในการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยมูลค่า 2 แสนบาทพร้อมทุนการศึกษา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ล่าสุด พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธีพระราชทานความช่วยเหลือ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานความช่วยเหลือครอบครัว ด.ญ.ปรารถนา แสงทอง
บ้านพระราชทาน เลขที่ 999 ตั้งอยู่หมู่ 1 ต.แม่พลู อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ เป็นบ้านชั้นเดียว สีโอลด์โรสสดใส มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ปลูกบนพื้นที่ 37 ตารางวา มีเทศบาลตำบลหัวดงรับผิดชอบการปลูกสร้าง สมาชิกในบ้านต่างยินดีกับชีวิตใหม่ภายในบ้านที่แข็งแรงหลบแดดฝน ไม่ลำบากเหมือนแต่ก่อน ทั้งยังเริ่มปลูกพืชผักสวนครัวและผลไม้ไว้รอบๆ บ้านช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและสร้างบรรยากาศร่มรื่น
น้ำส้ม เป็นลูกสาวของนางนงคราญ แสงทอง อาชีพรับจ้างปิ้งไก่ในตลาดสดหัวดง รายได้ประมาณวันละ 150 บาท ส่วนบิดา นายทองเปี่ยม แสงทอง พิการด้วยโรคโปลิโอ มีอาชีพรับจ้างพันมอเตอร์ไฟฟ้า รายได้วันละ 250 ได้รับเบี้ยคนพิการเดือนละ 500 บาท น้ำส้มมีพี่น้องคือ น.ส.เปรมฤดี แสงทอง หรือ ขม อายุ 16 ปี ชั้นปี 2 วิทยาลัยอาชีวะศึกษาอุตรดิตถ์ ซึ่งไปพักอาศัยอยู่กับญาติ และด.ญ.มรกต แสงทอง หรือ มาร์ช อายุ 7 ขวบ ชั้นป.2 โรงเรียนอนุบาลชุมชนหัวดง มีพี่ชายต่างบิดา 1 คน ปัจจุบันบวชเป็นพระ
น้ำส้มเป็นเด็กที่มีผลการเรียนดี สอบได้ที่ 1 มาตลอด มีความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ ได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานสภานักเรียนจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยใช้เวลาอ่านหนังสือหลังช่วยแม่ทำงานบ้าน และสอนน้องทำการบ้านช่วง 2 ทุ่มถึงเที่ยงคืน “หนูให้ความสำคัญกับภาษาเพราะภาษาเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ คนที่ได้ภาษาจะได้เปรียบมากกว่าคนอื่น หนูไม่ใช่ลูกคนมีตังค์ แต่ความลำบากสอนให้เราเข้มแข็ง รู้จักแบ่งเวลาและจัดลำดับความสำคัญต่างๆ
ตอนรู้ข่าวว่าได้รับบ้านพระราชทานหนูซาบซึ้งในพระมหากรุณาเป็นอย่างมาก ปลาบปลื้มและดีใจ พ่อแม่ก็ดีใจ พ่อแม่ไม่รู้มาก่อนว่าหนูถวายฎีกาตอนอยู่ชั้นป.6 ต่อมาครูบานจุรี โชติรักษา ครูไพฑูรย์ ถายา และครูอีกหลายท่านได้รับรู้ก็ให้ความช่วยเหลือครอบครัวมาตลอด และสนับสนุนเรื่องการเรียน เราลำบากมาก เวลาเรียกเก็บเงินค่าอะไรก็ไม่มีจ่าย บางวันต้องอดมื้อกินมื้อ กินข้าวคลุกน้ำปลา หนูคิดมากและคิดหลายอย่าง สงสารพ่อแม่ พ่อขาไม่ค่อยแข็งแรงเป็นโปลิโอ ต้องทำงานเลี้ยงครอบครัว แม่ก็ไม่มีงานเป็นหลักแหล่ง พยายามดิ้นรนหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัวเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ จนป่วยเป็นโรคไต หนูจึงไปหาครูที่รู้จัก ไปช่วยงานครู ครูก็ให้เงินมาบ้างเล็กๆ น้องๆ เพื่อมาจุนเจือครอบครัว ทุกวันนี้หนูไม่อายที่จน ไม่กลัวความลำบาก ถ้ามีพระองค์ท่าน มีพ่อแม่ หนูก็ไม่กลัวความลำบาก ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนั้นไปให้ได้
หนูเขียนจดหมายเล่าถึงความยากลำบากให้พระองค์รับรู้ว่าไม่เหลือใคร สงสารพ่อแม่รายได้ไม่พอรายจ่าย อยากให้พระองค์ช่วยเหลือ ไม่คิดฝันว่าพระองค์จะช่วยเหลือ เพราะยังมีคนไทยในประเทศหลายคนที่ยากลำบากยิ่งกว่าเรา แต่พระองค์ท่านก็ทรงช่วยเหลือ ทรงห่วงใยราษฎรทุกคนจริงๆ ค่ะ” เด็กหญิงกตัญญูเล่าต่อว่า ตอนนี้มีบ้านแล้ว สิ่งไหนที่ขาดหายก็จะเติมเต็ม หนูจะตั้งใจเรียนให้จบปริญญา อนาคตอยากเป็นข้าราชการของแผ่นดิน “หนูอยากขอบคุณพระองค์ท่านเป็นอย่างยิ่งที่เมตตาหนู แม้ว่าหนูจะเป็นราษฎรตัวเล็กๆ คนหนึ่ง พระองค์ยังสนใจและดูแลหนู ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีอายุมั่นขวัญยืน มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับหนูและครอบครัวรวมถึงคนไทยในแผ่นดิน”
ที่มา http://www.khaosod.co.th/index.php